แสงเหนือ หรือ Aurora คือ หนึ่งในปรากฏการณ์ทางธรรมชาติที่ปรากฏอยู่บนท้องฟ้า โดยมีผู้คนจำนวนมากต้องการ จะได้ไปเห็นด้วยตาตัวเองสักครั้งในชีวิต ความมหัศจรรย์ของลำแสงที่เริงระบำอยู่บนท้องฟ้า มีทั้งสีเขียว , สีแดง , สีม่วง ซึ่งพลิ้วไหวพาดผ่านท้องฟ้า มีทั้งความสวยงามอันสุดแสนมหัศจรรย์น่าตื่นตาตื่นใจเป็นอย่างยิ่ง เป็นอีกหนึ่งประสบการณ์ที่ควรหาโอกาสไปสัมผัสให้ได้สักครั้งในชีวิต การจะได้ชมแสงเหนือนั้น ไม่ใช่เรื่องง่าย นอกเหนือไปจากปัจจัยประเทศและทำเลที่ตั้งอันเป็นจุดหมายปลายทางแล้ว ก็ยังมีปัจจัยสำคัญอีกประการ เช่น สภาพอากาศ , สภาพท้องฟ้า รวมทั้งค่าของพายุสุริยะ ที่เรียกว่าค่า ‘Auroral Activity’ ยิ่งค่านี้สูงเท่าไหร่โอกาสเห็นแสงเหนือหรือแสง Aurora ก็จะมีมากขึ้นตามไปด้วยนั่นเอง
แสงเหนือคืออะไร ?
แสงเหนือ ในภาษาอังกฤษมีชื่อเรียกว่า Aurora Borealis แสงเหนือ คือ หนึ่งในปรากฏการณ์ธรรมชาติที่สวยงามของโลก โดย Aurora มีมากมายหลายสีด้วยกัน ทั้งสีเขียว , สีฟ้า , สีชมพู , สีแดง , สีเหลือง และสีม่วง
แสง Aurora มักเกิดขึ้นในแถบขั้วโลกซึ่งมีอากาศหนาวจัด ถ้าเกิดทางเหนือก็จะเรียกว่า แสงเหนือ แต่ถ้าเกิดขึ้นทางใต้ก็จะเรียกว่าแสงใต้ ภาษาอังกฤษคำว่า Aurora Polaris ใช้เรียกทั้งแสงเหนือ – แสงใต้
เกิดจากอะไร ?
ปรากฏการณ์แสงเหนือ – แสงใต้ เกิดจากการปะทะกันระหว่างก๊าซชั้นบรรยากาศของโลก กับอนุภาคไฟฟ้าซึ่งมาจากพลังงานแสงอาทิตย์ ก่อให้เกิดการระเบิดพร้อมเปล่งออกเป็นลำแสงสี ที่มีความแตกต่างกันออกไป ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับว่าแสงนั้นเกิดขึ้นในช่วงชั้นบรรยากาศไหนรวมทั้งเกิดจากก๊าซอะไร
ในระดับความสูงเหนือชั้นบรรยากาศประมาณ 100 กิโลเมตรขึ้นไป ประกอบไปด้วยโมเลกุลไนโตรเจนกับออกซิเจนเป็นส่วนใหญ่ โดยในระดับเหนือชั้นบรรยากาศประมาณ 100-200 กิโลเมตร ระดับนี้จะมีโมเลกุลออกซิเจนเยอะมาก จนกระทั่งก่อให้เกิดแสง Aurora สีเขียวเหลืองที่เป็นแสงเหนือ ส่วนแสงสีแดงจะปรากฏให้เห็นในชั้นบรรยากาศความสูงมากกว่า 200 กิโลเมตรขึ้นไป หากแต่แสงสีฟ้ากับสีม่วงมักจะปรากฏในเห็นในช่วงความสูงเหนือชั้นบรรยากาศต่ำกว่า 120 กิโลเมตร ซึ่งเป็นช่วงชั้นที่มีโมเลกุลไนโตรเจนมากกว่าออกซิเจน
แสงเหนือเห็นง่ายในเดือนไหน ?
สำหรับช่วงเวลาดีที่สุดของการเกิดแสงเหนือ คือ ช่วงฤดูหนาวของทางขั้วโลก อันตรงกับเดือนกันยายน , ตุลาคม , มีนาคม และเมษายน และถ้าคุณได้เดินทางไปยังขั้วโลก ในตอนท้องฟ้าปลอดโปร่ง แจ่มใส ปราศจากเมฆหมอก มีแต่ความมืดมิดสนิท บวกกับสภาพแวดล้อมอันไร้มลพิษ และต้องเป็นช่วงเวลาตั้งแต่ 22.00-24.00 น. เท่านั้น ก็จะยิ่งเพิ่มโอกาสในการเห็นแสงเหนือมากขึ้นกว่าเดิม