เกาะ Sentinel เกาะที่ตัดขาดจากโลกภายนอก

หนึ่งในเรื่องอันน่าเหลือเชื่อบนโลกนี้ ก็คือ ถึงแม้ทุกวันนี้โลกของเราจะมีวิวัฒนาการก้าวล้ำเพียงใด หากแต่ก็ยังมีผู้คนกลุ่มนึ่งที่ยังใช้ชีวิตแบบโบราณ ล่าสัตว์ ใช้ชีวิต อยู่ในป่า ปฎิเสทอารยะธรรมใดๆทั้งปวง ผู้คนกลุ่มนี้คือ ชนเผ่า ที่ตัดขาดจากโลกาภิวัฒน์อย่างสมบูรณ์ อีกทั้งยังไม่ต้องการต้อนรับบุคคลภายนอกที่จะเข้ามาในเกาะของพวกเขาอีกด้วย

เกาะ North Sentinel Island ตั้งอยู่ระหว่างพม่ากับอินเดียเกาะแห่งนี้คือมีความพิเศษ คือ เป็นที่อยู่อาศัยของชนเผ่า Sentinelese ซึ่งไม่ต้องการต้อนรับบุคคลภายนอก รวมถึงไม่ต้องการติดต่อกับโลกภายนอก

ในปี ค.ศ. 1771 มีการสำรวจบริเวณรอบๆเกาะนี้ โดยบริษัท East India Company เนื่องจากพวกเขาสังเกตเห็นกองไฟบนชายหาด แต่เกาะแห่งนี้ก็ยังไม่มีคนรู้จักอยู่ดี จนกระทั่งในปี ค.ศ. 1867 เรือเดินทะเลอินเดียชื่อ Ninevah บังเอิญอับปางลง เหตุการณ์ในครั้งนั้นมีผู้รอดชีวิตมากถึง 106 คน พวกเขาได้ก่อสร้างบ้านพักระหว่างรอความช่วยเหลือ หากแต่ถูกชาวเกาะโจมตีในอีกไม่กี่วันต่อมา พวกเขาพยายามป้องกันตัว อดทนจนกระทั่งเรือรบแห่งราชนาวีอังกฤษได้เดินทางมาถึงเกาะแห่งนี้  จึงช่วยเหลือคนทั้งหมดออกไปได้

ชนเผ่าแห่งเกาะ Sentinel เกิดเหตุการณ์จนเป็นที่รู้จักอีกครั้งในปี ค.ศ.1880 พนักงานรัฐนาม Maurice Vidal Portman ได้ยกทัพขึ้นบนเกาะ เพื่อปฏิบัติงานตามคำสั่ง เมื่อพวกเขาลงเท้าสำรวจเกาะ จึงพบว่ามีเส้นทางเข้าไปได้มากมายหลากหลายเส้นทาง จนกระทั่งพวกเขาจับชาวเผ่าพื้นเมืองจำนวน 6 คนได้ แต่ต่อมาคนพื้นเมือง 2 คนเสียชีวิต ส่วนคนที่เหลือถูกปล่อยกลับเกาะในเวลาต่อมา

มีการคาดการณ์กันว่าชนเผ่า The Sentinelese น่าจะเป็นบรรพชนของมนุษย์ชุดแรก ซึ่งย้ายถิ่นฐานมาจากประเทศอัฟริกา บรรพชนของมนุษย์ชุดแรก ได้เข้ามาใช้เกาะเล็กๆ แห่งนี้เป็นบ้าน เป็นเวลายาวนานกว่า 60,000 ปี ส่วนจำนวนประชากรไม่ปรากฏตัวเลขแน่ชัด แต่คาดว่าอย่างน้อยที่สุดประมาณ 40 คนหรือมากสุดประมาณ 500 คน

ถึงแม้กาลเวลาจะผ่านมาเนิ่นนานเท่าไหร่ มนุษย์จะมีวิวัฒนาการก้าวล้ำถึงเพียงไหน แต่ชนเผ่านี้ก็ยังไม่สนใจว่า ใครจะเป็นมิตร , เป็นศัตรู หรือมาตีซี้ ใครก็ตามที่มาขึ้นเทียบเรือ ณ ชายฝั่งของเกาะ ไม่ว่าจะเป็นอุบัติเหตุหรือตั้งใจไปก็ตาม ชนเผ่านี้ก็จะคอยต้อนรับผู้มาเยือนด้วยหอกกับธนูปลายแหลม ที่พร้อมชกชิงชีวิตของผู้มาเยือนได้อย่างรวดเร็วและเงียบงัน ของขวัญต่างๆหรือแม้แต่เสื้อผ้าไม่มีความสำคัญกับชนเผ่านี้ อีกทั้งพวกเขายังเคยปฏิเสธรับความช่วยเหลือ จากโลกภายนอกในช่วงวิกฤต ซึมามิ ในปี 2004 อีกด้วย