เมื่อนึกถึงดินแดนเหนือสุดของโลกปฏิเสธไม่ได้ว่าชื่อของเกาะกรีนแลนด์คือชื่อที่คนส่วนมากคุ้นเคยกันดี แม้ชื่อจะบ่งบอกความหมายในการเป็นพื้นที่สีเขียวอันอุดมสมบูรณ์ทว่าสภาพความเป็นอยู่จริง ๆ แล้วถือว่าเป็นพื้นที่หนาวสุด ๆ แห่งหนึ่งของโลก เป็นพื้นที่ติดกับขั้วโลกเหนือรวมถึงจะสัมผัสเกี่ยวกับความเปลี่ยนแปลงของโลกได้รวดเร็วกว่าพื้นที่อื่น โดยเฉพาะภาวะโลกร้อนเนื่องจากน้ำแข็งจะละลายเร็วกว่าปกติ มาทำความรู้จักกับเกาะใหญ่ที่สุดในโลกซึ่งตั้งบนพื้นที่อุดมสมบูรณ์ว่าเป็นอย่างไรบ้าง
เกาะกรีนแลนด์ เกาะขนาดยักษ์ตั้งอยู่ในสภาพสมบูรณ์แห่งหนึ่งบนโลก
เกาะกรีนแลนด์เป็นเกาะที่ตั้งอยู่บริเวณมหาสมุทรอาร์กติก ที่บอกว่าเป็นเกาะขนาดใหญ่สุดในโลกนั่นเพราะเกาะนี้มีพื้นที่ถึง 2,175,900 ตร.กม. ถือสถานะเป็นดินแดนปกครองตนเองและเป็นส่วนหนึ่งของเดนมาร์กมาตั้งแต่ปี 1956 กระนั้นหากมองตามภูมิประเทศถือเป็นส่วนหนึ่งของสหรัฐฯ เพียงแต่ภูมิศาสตร์ด้านการปกครองใกล้ยุโรปมากกว่า เกาะแห่งนี้มีการอพยพเข้ามาตั้งถิ่นฐานของชาวไวกิ้งตั้งแต่ช่วงศตวรรษ 10 – 11 ก่อนค่อย ๆ เข้ามาเปลี่ยนแปลงศาสนา วัฒนธรรม สังคม และวิถีชีวิตของคนพื้นเมืองจนกลายเป็นพื้นที่การปกครองของเดนมาร์ก กระนั้นตั้งแต่ปี 1979 สามารถปกครองตนเองในทุกด้านยกเว้นการทหารกับการต่างประเทศที่ยังคงเป็นสิทธิ์ของเดนมาร์ก
สภาพทางภูมิศาสตร์ส่วนใหญ่ของเกาะกรีนแลนด์จะเป็นภูเขาสูงปกคลุมด้วยหิมะและน้ำแข็งเป็นบริเวณกว้าง บางพื้นที่น้ำแข็งหนาถึง 3 กม. ไม่แปลกที่จะหนาวเย็นแบบได้ใจ อากาศเคยร้อนสุดไม่เกิน 10 องศา พื้นที่ราบมักอยู่ริมชายฝั่ง บางแห่งลาดชันแต่ส่วนใหญ่มักเป็นหิน พื้นที่บนเกาะแห่งนี้แทบไม่มีต้นไม้จะเกิดเป็นแค่พุ่มไม้เล็ก ๆ กระนั้นถือว่าเป็นพื้นที่มีสภาพอุดมสมบูรณ์เพราะมีแหล่งน้ำจืดขนาดใหญ่สุดในโลกคิดเป็น 10% ของน้ำทั้งหมดบนโลกใบนี้
จำนวนประชากรบนเกาะมีราว 5 หมื่นคนเศษ เมืองต่าง ๆ จะกระจัดกระจายรอบเกาะอันปกคลุมไปด้วยหิมะกับน้ำแข็ง เมืองหลวงมีชื่อว่า Nuuk ซึ่งเป็นเมืองที่มีประชากรอาศัยอยู่เยอะสุด คนส่วนใหญ่บนเกาะแห่งนี้เป็นเชื้อสายอินูอิตกับเชื้อสายเดนมาร์ก แต่คนเดนมาร์กมีไม่ค่อยเยอะเทียบกันแล้วแค่ 13% สำหรับนักท่องเที่ยวทั่วไปเมื่อมาเยือนยังเกาะกรีนแลนด์แห่งนี้ทุกท่านจะได้สัมผัสกับบรรยากาศอันแสนหนาวเหน็บ ได้ทำกิจกรรมการล่องเรือชมความงดงามของธารน้ำแข็งขนาดมหึมา นั่งรถลากเลื่อน เล่นสกี หลายคนรู้สึกว่าดินแดนแห่งนี้คือความท้าทายที่พวกเขาอยากลองไปสัมผัสด้วยตนเองสักครั้งนับว่าเป็นสีสันหนึ่งของชีวิตได้เหมือนกันหากใครได้มีโอกาสไปพบเจอ